
![]() |
สัมมากร ได้เวลา ปรับ ขยับ ร่วมทุน บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) เปิดดำเนินการมาแล้วกว่า 48 ปี โดยได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2513 การเติบโตของบริษัท สัมมากรที่ เป็นไปแบบค่อยเป็นค่อยไปตลอดมา และด้วยภาพลักษณ์ที่เจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ใหญ่ ภายหลังจากที่บริษัท ระยองเพรียวริฟายเออร์ จำกัด (มหาชน) เข้ามาถือหุ้นใหญ่ เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา และส่ง นายณพน เจนธรรมนุกูล อดีตผู้บริหารฝ่ายพัฒนาธุรกิจของ RPC เข้ามานั่งในตำแหน่ง ผู้จัดการทั่วไปสายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท สัมมากร จำกัด(มหาชน) พร้อมกับภารกิจที่จะช่วยขับเคลื่อน บมจ.สัมากร จากบริษัทขนาดเล็กในตลาดหลักทรัพย์ ให้เป็นบริษัทขนาดกลางภายใน 5 ปี การจะผลักดันสัมมากรให้เติบโตได้ขนาดนั้น ต้องมีการปรับองค์กรกันขนานใหญ่พอดู ซึ่งจากคำบอกเล่าของ คุณกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บมจ.สัมมากร ชี้แจงว่า “แผนการปรับลุค สัมมากรใหม่ จากเดิมภาพลักษ์ดูเป็นผู้ใหญ่และคอนเซอร์เวทีฟ( Conservative) ให้ดูทันสมัยขึ้น การสื่อสารผ่านสื่อรูปแบบใหม่ๆ โดยเฉพาะสื่อดิจิทัลบในหลากหลายแพลตฟอร์ม เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค คนรุ่นใหม่ ที่ยังไม่รู้จักสัมมากร คนวัยทำงาน ครอบครัวใหม่ และครอบครัวขยาย ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ การ”ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ สัมมากร ครั้งนี้ ถือเป็นการปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่เป็นองค์รวมทั้งระบบ โดยปรับใน 3 ส่วนหลัก คือ 1. วัฒนธรรมองค์กร ค่านิยมองค์กร ระบบการทำงานของพนักงาน 2. ภาพลักษณ์ของบริษัท ปรับโลโก้ใหม่ การสื่อสารกับลูกค้า ยูนิฟอร์มพนักงาน และอื่นๆ 3. การออกแบบสินค้า ปรับการออกแบบบ้านให้สวยและทันสมัยยิ่งขึ้น โดยยังคงคุณภาพความเป็นสัมมากรไว้ แต่เพิ่มความใส่ใจในรายละเอียดการออกแบบบ้าน ด้วยฟังก์ชันการใช้งานภายในบ้านที่สัมมากรคิดค้นให้ตอบโจทย์ความต้องการ และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ซึ่งบ้านรูปแบบใหม่ จะพบได้ในโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปี 2561 นี้ เปลี่ยนสโลแกน”สัมมากร สร้างจากความเข้าใจชีวิต นอกจากนี้ สัมมากร ได้เปลี่ยนสโลแกนใหม่ จากเดิม “เราไม่เพียงแต่สร้างบ้าน เราสร้างสังคม” เป็น “สัมมากร สร้างจากความเข้าใจชีวิต” สะท้อนถึงภาพลักษณ์ใหม่ของสัมมากรที่พัฒนามาจากสโลแกนเดิม คือ ความตั้งใจและนโยบายของสัมมากรที่ต้องการให้ลูกบ้านสัมมากรอยู่ในสังคมที่ดี มีเพื่อนบ้านที่ดี ช่วยเหลือกัน และอบอุ่น นำไปสู่การพัฒนาให้บ้านเป็นพื้นที่แห่งการพักผ่อนของทุกคนในครอบครัวอย่างแท้จริง ซึ่งจะประกอบด้วยองค์ประกอบต่างๆ เช่น ระบบการรักษาความปลอดภัย กฎเกณฑ์การอยู่ร่วมกันภายในหมู่บ้าน การออกแบบบ้านที่ตอบโจทย์การใช้งาน และอื่นๆ เพื่อช่วยลดปัญหาความเดือดร้อนใจให้กับผู้อยู่อาศัย ทั้งนี้ สัมมากร ได้สื่อสารภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ผ่านหนังสั้น 3 ตอน ชื่อ Saturday Life the Series ซึ่งเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียเป็นที่เรียบร้อย เปิดหาผู้ร่วมทุนพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ ที่ผ่านมาสัมมากร พัฒนาโครงการแนวราบเป็นส่วนใหญ่ มีคอนโดมิเนียมเพียงโครงการเดียว เมื่อคิดจะพัฒนาที่ดินที่มีศักยภาพ ขนาด 25 ไร่ที่พัทยา อยู่ใกล้สวนน้ำการ์ตูนเน็ตเวิร์ค จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน จึงได้มีการมอบหมายให้บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ทำการศึกษารูปแบบ และได้ข้อสรุปออกมา เมื่อปลายปีที่ผ่านมา “รูปแบบการพัฒนาที่คอลลิเออร์ฯเสนอมา มี 3 รูปแบบคือ แบบที่ 1. พัฒนาเฉพาะที่อยู่อาศัย แบบที่ 2 เป็นที่อยู่อาศัยกับโรงแรม 3. ที่อยู่อาศัยกับคอมมูนิตี้มอลล์ และได้มีการเซ็นสัญญามอบหมายให้บริษัท คลอลิเออร์สฯไปจัดหาผู้ร่วมทุน ขณะนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกรูปแบบใด และจะพัฒนาทีเดียวทั้งโครงการหรือแบ่งออกเป็นเฟสๆ” “พัทยาเป็นแหล่งท่องเที่ยว กลุ่มลูกค้าที่เป็นไปได้มีทั้งคนไทย และต่างชาติ ซึ่งขณะนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นคนจีน ดังนั้นหากได้ผู้ร่วมทุนจีน ก็คงจะดีเพราะเขาก็จะมีฐานกลุ่มลูกค้าของเขา ในขณะที่กลุ่มคนไทยที่ทำงานอยู่ในย่านนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งอยู่ไม่ไกล ก็เป็นกลุ่มเป้าหมายเช่นกัน” สัมมากร พร้อมเปิดตัวโครงการใหม่ ครอบคลุมทุกความต้องการของตลาด ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ ซึ่งจะเอื้อให้สัมมากรมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่พร้อมสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ปี 61 เปิด 3 โครงการ ในส่วนของแผนการเปิดโครงการใหม่ คุณ ณพน เจนธรรมนุกูล บอกว่า “ได้เตรียมงบซื้อที่ดิน 2 แปลง ราคากว่า 1 พันล้าน เพื่อเปิดโครงการใหม่ โดย 1 แปลงอยู่ย่านบางนา ซึ่งตามแผนปีนี้จะเปิด 3 โครงการ ได้แก่ 1. โครงการออฟฟิศ พาร์ค รามอินทรา-วงแหวน โฮม ออฟฟิศ 4 ชั้น 22 ยูนิต บนพื้นที่ 3 ไร่ มูลค่าโครงการ 143 ล้านบาท ราคาต่อยูนิต เฉลี่ย 6.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่เลื่อนเปิดจากปีที่ผ่านมา พร้อมเปิดตัวในไตรมาสแรกของปีนี้ และ 2. โครงการสัมมากร รังสิต คลอง 7 ขยายเฟสใหม่ จำนวน 271 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,270 ล้านบาท ราคาต่อยูนิต เฉลี่ย 3.5-6.0 ล้านบาท โดยวางแผนที่จะเปิดตัวในไตรมาสที่ 3 และ 3. โครงการสัมมากร ชัยพฤกษ์ วงแหวน 2 จำนวน 171 ยูนิต บนพื้นที่ 44 ไร่ มูลค่าโครงการ 971 ล้านบาท ราคาต่อยูนิต เฉลี่ย 4.2-5.2 ล้านบาท คาดว่าพร้อมเปิดตัวไตรมาสที่ 3” รีแบรนด์คอมมูนิตี้มอลล์ คอมมูนิตี้มอลล์ (Community Mall) หลังจากรีแบรนด์อย่างเป็นทางการเมื่อปลายปี 2560 ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งจากผู้เช่าและลูกค้าที่มาใช้บริการ โดยได้ปรับชื่อจาก “เพียวเพลส” เป็น “สัมมากร เพลส” ให้สอดคล้องกับแบรนด์สัมมากร เพื่อให้ภาพลักษณ์ของ สัมมากร เพลส เป็นศูนย์รวมของลูกบ้านสัมมากร สร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของให้กับลูกบ้านสัมมากร นอกจากนี้ ยังปรับเปลี่ยนโลโก้เป็นรูปคล้ายพลุ ถือเป็นการจุดพลุว่า สัมมากร เป็นแลนด์มาร์คของคนในชุมชน เส้นสายของโลโก้ที่มาบรรจบกันสะท้อนถึงความเป็นศูนย์การค้าที่เป็นศูนย์กลางชุมชนและศูนย์รวมของทุกคนในครอบครัว การปรับร้านค้าภายในศูนย์ ปรับรูปโฉมใหม่ และเพิ่มกิจกรรมเพื่อดึงดูดให้ลูกบ้านสัมมากร และลูกค้าในละแวกใกล้เคียงมาจับจ่ายใช้สอยภายในศูนย์มากขึ้น ซึ่งจะทยอยปรับศูนย์การค้า สัมมากร เพลส ให้แล้วเสร็จทั้ง 3 สาขา ได้แก่ รามคำแหง 110 รังสิต คลอง 2 และราชพฤกษ์ ภายในกลางปีนี้
จุดเด่นของศูนย์การค้าสัมมากร เพลส อยู่ที่การให้ความสำคัญกับการสำรวจความคิดเห็น ความต้องการรูปแบบร้านค้า ไลฟ์สไตล์ของคนในชุมชน และสำรวจความพึงพอใจการใช้บริการของลูกค้าอยู่เสมอ เพื่อนำมาพัฒนาและคัดเลือกร้านค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง ปัจจุบันมีผู้เช่ารวมแล้ว 95 % ของพื้นที่และมีพันธมิตรที่ให้ความเชื่อมั่นในแบรนด์สัมมากร เพลส อาทิ แม็คโครฟู๊ดเซอร์วิส วิลล่ามาร์เก็ต แม็กซ์แวลู สตาร์บัคส์ ธนาคารชั้นนำ ฯลฯ ทั้งนี้หลังจากปรับโฉมแล้วเสร็จกลางปี 2561 คาดว่าจะมีจำนวนลูกค้ามาจับจ่ายใช้จ่ายที่ศูนย์การค้า สัมมากร เพลส เพิ่มขึ้น 20% คุณณพน กล่าวปิดท้าย |